เคยมั้ย...ให้ “อภัย” แต่ไม่สุงสิง

คนเราที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ต่างก็พบเจอผู้คนหลากหลาย ต่างกันทั้งสถานภาพทางสังคม

ฐานะ การศึกษา วัยวุฒิ คุณวุฒิ และที่สำคัญคือวุฒิภาวะทางอารมณ์ เจ้าสิ่งนี้นี่แหละที่จะนำไปสู่การบาดหมางทางกายและใจได้

จนหลายต่อหลายคนถึงกับถอดถอนคำมั่นสัญญา ตัดพ่อตัดแม่ ตัดพี่ตัดน้อง ตัดเพื่อนพ้อง ชนิดที่มองหน้ากันไม่ติด

หลายคนยอมให้อภัยแต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม...จนมีวลีเด็ดๆในโลโซเชียลว่า...เคยมั้ย...ให้ “อภัย” แต่ไม่สุงสิง

 คุณเป็นคนหนึ่งมั้ยที่ใช้วลีนี้ เคยมั้ย...ให้ “อภัย” แต่ไม่สุงสิง มาดูกันว่า “การให้อภัย” ให้ผลดีอย่างไรกับชีวิตเราบ้าง



โดยธรรมชาติของคน ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องพบเจอเรื่องราวที่ดี และไม่ดีในชีวิต เมื่อเราได้เจอกับเรื่องร้ายๆ

จนทำให้ช่วงชีวิตหนึ่งเรามีแต่ความทุกข์ทรมานใจ ย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องร้ายเหล่านั้น

บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องร้ายนั้นเป็นเพราะเราหรือพ่อแม่ หรือเพื่อน หรือพี่ หรือน้อง

หรือเจ้านายที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าเราไม่สามารถให้อภัยคนอื่นได้ จะนำไปสู่ความคิดเชิงลบในใจ

ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความโกรธ เกลียด อิจฉาริษยาและโทษคนอื่นอยู่ตลอดเวลา อาการเหล่านี้ทำให้เราเกิดความกลัว

และคลางแคลงใจอยู่เสมอไม่จบสิ้น

ในสังคมรอบตัวเรา มีหลายคนที่จมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโต หลายคนจมปลักจนชีวิตหาความสุขไม่ได้

โกรธพ่อแม่ที่แยกทางกัน โกรธพ่อที่รักน้องมากกว่า โกรธแม่ที่รักลูกชายมากกว่า โกรธเพื่อนสมัยมัธยมที่มาแย่งคนรักไป

หรือโกรธเจ้านายที่ไม่ขึ้นเงินเดือนให้...หากเราไม่รู้จักปลดปล่อย ปล่อยวางความทุกข์ ให้ผ่านพ้นไป

เราจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักให้อภัย และจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความโกรธต่อคนอื่น ทำให้ต้องเผชิญกับความทุกข์ทั้งในอดีตและปัจจุบันไปตลอดชีวิต



คุณเคยเชื่อในพลังแห่งการให้อภัยหรือไม่ว่ามันยิ่งใหญ่เพียงไร ไม่ว่าคุณจะให้อภัยโดยสิ้นเชิง กลับมาคบหาสมาคมเหมือนเดิม

หรือให้อภัยแต่ไม่สุงสิงด้วย ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นแนวคิดเชิงบวกที่นำไปสู่เรื่องราวแห่งความสุขของชีวิตได้อย่างดี

เพราะสิ่งที่มีพลังที่สุดที่จะปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ คือการให้อภัยทุกคนที่เคยทำให้คุณเจ็บปวดรวดร้าวในทุก ๆ

เรื่องราว เพียงคุณปลดปล่อย ปลดล็อคคนอื่นออกจากจิตใจโดยการให้อภัยเขาเหล่านั้น คุณก็จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากความทุกข์กายและทุกข์ใจได้  

การให้อภัย การคิด และมองโลกรอบตัวให้เป็นบวก ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนโลกสวย หากแต่เมื่อคุณมีสิ่งเหล่านี้ในใจ

มันจะสะท้อนความรู้สึกของคนในสังคมให้พบเจอแต่เรื่องราวดี ๆ เพราะการที่เราเริ่มต้นคิดดี ทำดีต่อคนในครอบครัว

กับเพื่อนร่วมงาน จะสามารถส่งต่อไปถึงใจคนรับ เมื่อความรู้สึกนี้เกิดขึ้นทุกวัน สังคมรอบตัวเราจะมีแต่ความสุข และมีแต่ความดีที่มีให้กันและกัน...

คนที่คุณควรให้อภัยโดยไม่ต้องรีรอคือ พ่อแม่ของคุณ ไม่ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

คุณต้องให้อภัยท่านอย่างหมดสิ้นสำหรับความผิดพลาดในอดีตในการเลี้ยงดูคุณ อย่างน้อยที่สุดคุณควรขอบคุณท่านที่ให้ชีวิตแก่คุณ

ท่านทำให้คุณมีวันนี้ ควรให้อภัยท่านได้ทุกเรื่อง และจงอย่าตำหนิท่านอีก เพราะหากคุณมีลูก แล้วลูกเห็นคุณทำสิ่งเหล่านี้กับพ่อแม่

อนาคตคุณอาจจะเห็นลูกของคุณทำกับคุณเช่นกัน นอกจากนี้คนที่คุณควรให้อภัยคือใครก็ได้ในชีวิตที่ทำให้คุณเจ็บปวด เสียใจ

หมดหวัง สิ้นหวัง ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย เพื่อน พี่ น้อง คนรู้จัก คนที่โกง คนที่เคยทรยศต่อคุณ หรือแม้กระทั่งคนที่นำความทุกข์มาให้คุณ

คุณควรให้อภัยเขาเหล่านั้นให้หมดไป ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลา แต่ก็มันจะทำให้คุณหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ฝังลึกในใจ



คนสุดท้ายเลยที่คุณต้องให้อภัยคือ ต้องรู้จักให้อภัยตัวคุณเองอย่างสิ้นเชิง ลืมอดีตแล้วดำเนินชีวิตต่อไป

คิดถึงที่ที่คุณกำลังจะก้าวต่อไป หรือถ้าคุณยังเป็นคนที่รู้สึกว่า ให้อภัย...แต่ไม่สุงสิงด้วย...

เปลี่ยนมาเป็นให้อภัยโดยสิ้นเชิงแบบไม่มีเงื่อนไข...ชีวิตของคุณจะไม่ขาดใครในชีวิตเลยสักคน

#ติดตามเรื่องราวดีๆของพวงหรีดกระจายบุญ ต่อยอดการอ่านเพื่อสังคมอุดมปัญญา กับ โครงการ "อ่าน...สร้างชาติ"

#"เริ่มต้นที่เราอ่าน...สู่การอ่านเพื่อสังคมอุดมปัญญา"

#กระจายบุญ...เริ่มต้นที่เราให้ สังคมได้ไม่สิ้นสุด

#กระจายบุญ...พวงหรีดเพื่อสังคม...อุทิศให้ผู้วายชนม์

#กระจายบุญ...บุญที่จับต้องได้

#กระจายบุญ...ให้ได้มากกว่าที่คิด...อุทิศแด่ผู้ที่จากไป

  • share :
พร้อมบริการส่งรูปภาพยืนยัน เมื่อพวงหรีดจัดส่งเรียบร้อยแล้ว
สั่งพวงหรีดทางเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ไม่รับ” ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและเดบิต เนื่องจากเหตุผลด้านการดำเนินงานจัดซื้อของบริจาค