โลกนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร อยู่ที่ว่าใครถนัดสิ่งไหนมากว่ากัน


โลกนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร อยู่ที่ว่าใครถนัดสิ่งไหนมากว่ากัน

นกว่ายน้ำไม่เป็น ปลาบินบนฟ้าไม่ได้ ไม่ผิดทั้งนกและปลา… เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดมีเพียงว่า

“ต้องรู้ตัวว่า คุณเป็นใคร หรือเป็นอะไร” “ปลาไม่ผิดที่บินไม่ได้” “นกผิดตรงไหนที่ว่ายน้ำไม่เก่งหรือว่ายน้ำไม่เป็น” สิ่งที่คุณ “ทำได้” คนอื่นอาจ “ทำไม่เป็น”

 โดยปกติของคน มักมีความสามารถหรือความถนัดไม่เหมือนกัน ฉะนั้นจึงไม่อาจนำมาเทียบกันได้ว่าใครเก่งกว่าใคร

แต่ในสังคมปัจจุบันก็อดไม่ได้ที่จะมีการเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการนำบททดสอบมาสอบวัดผล

โดยเฉพาะกับโรงเรียนที่มีการทดสอบความสามารถของเด็ก ซึ่งการทดสอบบางอย่างเป็นความถนัดของเด็กบางกลุ่ม

ไม่ใช่เด็กทั้งโรงเรียน สิ่งที่เกดขึ้นอาจก่อให้เกิดการคิดของเด็กที่จะเป็นปมด้อยที่ติดตัวไปคลอดว่าตัวเองเก่งสู้คนอื่นไม่ได้

กลายเป็นการผิดหวัง ไม่มีแรงบันดาลใจในการที่จะคิดทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ หน้าที่ของพ่อแม่ ครูและโรงเรียนจึงต้องคอยให้คำแนะนำ

อธิบายเหตุและผลว่าคนเรานั้นมีความเก่งและความถนัดไม่เหมือนกัน โดยอาจนำแนวคิดเรื่องทฤษฎีพหุปัญญามาช่วยอธิบาย เพื่อให้เด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงนั้นเก่งหรือถนัดในด้านใด

 ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์  (Howard Gardner) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  ประเทศสหรัฐอเมริกา  

ผู้ก่อตั้งทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ให้คำจำกัดความของคำว่า 

“ปัญญา คือความสามารถที่จะค้นหาและแก้ปัญหาและสร้างผลผลิตที่มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับในสังคม”



ความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ตามทฤษฎีพหุปัญญา แบ่งออกเป็น  8 ด้าน ได้แก่

1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence) คือ ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่าง ๆ สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา

และสามารถสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ตามที่ต้องการ ผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักเป็นกวี นักเขียน นักพูด นักหนังสือพิมพ์ ครู ทนายความ หรือนักการเมือง

2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)

คือความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ ผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักเป็นนักบัญชี นักสถิติ นักคณิตศาสตร์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักเขียนโปรแกรม หรือวิศวกร

3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence) คือ ความสามารถในการรับรู้ทางสายตาได้ดี

สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง และตำแหน่ง อย่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน มักเป็นนักประดิษฐ์

วิศวกร ส่วนสายศิลป์ เป็นศิลปินในแขนงต่าง ๆ เช่น จิตรกร วาดรูป ระบายสี เขียนการ์ตูน นักปั้น นักออกแบบ ช่างภาพ หรือสถาปนิก เป็นต้น

4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)

คือ ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรู้สึก โดยใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

รวมถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์ ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักจะเป็นนักกีฬา หรือศิลปินในแขนง นักแสดง นักฟ้อน นักเต้น นักบัลเล่ต์ หรือนักแสดงกายกรรม

5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)

คือ ความสามารถในการซึมซับ และเข้าถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การรับรู้ การจดจำ

และการแต่งเพลง สามารถจดจำจังหวะ ทำนอง และโครงสร้างทางดนตรีได้ดี สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักจะเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง หรือนักร้อง

6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)

คือ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ทั้งด้านความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน สร้างมิตรภาพได้ง่าย

เจรจาต่อรอง ลดความขัดแย้ง สามารถจูงใจผู้อื่นได้ดี เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคน

สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักจะเป็นครู อาจารย์ ผู้ให้คำปรึกษา นักการฑูต เซลแมน พนักงานขายตรง พนักงานต้อนรับ ประชาสัมพันธ์ นักการเมือง หรือนักธุรกิจ

7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)

คือ ความสามารถในการรู้จัก ตระหนักรู้ในตนเอง สามารถเท่าทันตนเอง ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ

และสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเผชิญหน้า เมื่อไหร่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อไหร่ต้องขอความช่วยเหลือ เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคนเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักจะเป็นนักคิด นักปรัชญา หรือนักวิจัย

8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)

คือ ความสามารถในการรู้จัก และเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจกฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ มีความไวในการสังเกตุ

เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของธรรมชาติ มีความสามารถในการจัดจำแนก แยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ สำหรับผู้ที่มีปัญญาด้านนี้มักจะเป็นนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย หรือนักสำรวจธรรมชาติ

เมื่อหาตัวตนพบแล้วสิ่งสำคัญที่ควรทำคือ ต้องมีการคิดวางแผน และลงมือทำ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ



ฉะนั้นจงคิดว่าคุณเก่งในแบบของตัวเองได้ โดยไม่ต้องเอาจุดเด่นของใครมาทำให้คุณ ไม่มั่นใจในตัวเอง

หากคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจะทำให้คุณเกิดการท้อแท้หมดหวัง ผิดหวัง สิ่งนี้อาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ของชีวิตไปได้

 #"เริ่มต้นที่เราอ่าน...สู่การอ่านเพื่อสังคมอุดมปัญญา"

#กระจายบุญ...เริ่มต้นที่เราให้ สังคมได้ไม่สิ้นสุด

#กระจายบุญ...พวงหรีดเพื่อสังคม...อุทิศให้ผู้วายชนม์

#กระจายบุญ...บุญที่จับต้องได้

#กระจายบุญ...ให้ได้มากกว่าที่คิด...อุทิศแด่ผู้ที่จากไป

  • share :
พร้อมบริการส่งรูปภาพยืนยัน เมื่อพวงหรีดจัดส่งเรียบร้อยแล้ว
สั่งพวงหรีดทางเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ไม่รับ” ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและเดบิต เนื่องจากเหตุผลด้านการดำเนินงานจัดซื้อของบริจาค