ดีของเรา คือดีของคนอื่นหรือไม่ ?
“ดีของเรา” คือ “ดีของคนอื่นหรือไม่” คงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้
เพราะคงไม่มี “ดี” แบบไหนที่เป็นดีอย่างแท้จริง ทุกคนควรหาว่าดีแบบไหนที่ “พอดี”
ความดีไม่ใช่การถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ และไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด การทำความดีไม่ได้เกิดจาก
การมีฐานะร่ำรวย หรือฐานะยากจน ไม่ได้เกิดจากการเรียนจบสูงๆ แล้วจะทำให้เป็นคนดี หรือทำดีได้
เหนือกว่าคนอื่น
ในสังคมปัจจุบันหากพูดถึงเรื่องการทำความดี ส่วนใหญ่นึกถึงอะไร? หากเราใช้ตัวเราเป็นที่ตั้งเรื่องการทำดีคงจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เพราะแต่ละคน แต่ละครอบครัวมีการเป็นอยู่ ดำรงอยู่ไม่เหมือนกัน...ฉะนั้น “ดีของเรา” คือ “ดีของคนอื่นหรือไม่” คงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะคงไม่มี “ดี” แบบไหนที่เป็นดีอย่างแท้จริง ทุกคนควรหาว่าดีแบบไหนที่ “พอดี” สำหรับตัวเอง โดยทุกคนต้องตระหนักว่า “ดี” นั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ทำร้าย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นทั้งร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน สำคัญที่สุด คือ เราต้องเคารพต่อคนอื่น และตัวเองให้มากที่สุด
ความดีไม่ใช่การถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ และไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด การทำความดีไม่ได้เกิดจากการมีฐานะร่ำรวย หรือฐานะจน ไม่ได้เกิดจากการเรียนจบสูง ๆ แล้วจะทำให้เป็นคนดี หรือทำดีได้เหนือกว่าคนอื่น หากแต่หลายต่อหลายคนต่างต้องลองผิดลองถูก เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นคือใช่สิ่งที่เราคิดว่าดี ว่าถูกต้องหรือไม่ ในสังคมที่มีการเลี่ยนแปลงรอบด้าน สิ่งที่เราเคยยึดมั่นว่าดีแล้ว อาจจะไม่ดีเหมือนอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ ดังนั้นเราไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในความดีของตัวเองเพียงด้านเดียว แต่ควรเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีจิตสำนึกที่จะทำความดีต่อไปตลอดเวลา
“การเป็นคนดีของสังคม”... ไม่ใช่ประโยคที่พูดให้โลกดูสวยงามในยุคปัจจุบัน...หลายคนอายที่จะพูดประโยคนี้กับคนรอบข้าง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่พ่อแม่มักพูดกับลูกเสมอ ๆ ว่า “ลูกไม่ต้องเรียนให้เก่งกว่าใคร ๆ แต่ขอให้เป็นคนดีของสังคมก็พอ” ซึ่งขณะที่พูดให้ลูกฟัง ลูกจะเข้าใจหรือไม่นั้นพ่อแม่ไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลย โดยส่วนตัวเชื่อว่าหากพื้นฐานความคิดของครอบครัวดีจะส่งผลให้ลูกได้ซึมซับสิ่งดี ๆ ที่พ่อแม่ทำให้เห็น เพราะบางเรื่องราวการลงมือทำให้เห็น มีค่ามากกว่าการพูดซ้ำ ๆ โดยที่คนฟังไม่เห็นคุณค่าอะไร
“การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี” (พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร 14 สิงหาคม 2525)
หลายคนมีความตั้งมั่นในการทำความดี โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ตระหนักรู้ว่าควรร่วมกันรณรงค์ให้คนในสังคมร่วมกันทำความดี สิ่งที่อยากเห็นคือการร่วมกันทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การทำในระยะเวลาอันสั้น หรือทำเพียงเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์องค์กร หรือให้ตัวเองดูดี โดยไม่สนใจว่าสังคมจะเป็นอย่างไรต่อไป
ไม่ว่าวันนี้ “ดีของเรา จะคือ ดีของคนอื่นหรือไม่” ก็ตาม คนในสังคมนั้น ๆ ควรต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะหากวันนี้สังคมขาดซึ่งคนที่ทำความดีแล้ว คนรุ่นลูกรุ่นหลานจะมีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้สังคมเป็น “สังคมแห่งความดี” ต่อไปได้
___________________________
#กระจายบุญ...เริ่มที่เราให้...สังคมได้ไม่สิ้นสุด
#กระจายบุญ...พวงหรีดเพื่อสังคม...อุทิศให้ผู้วายชนม์
#กระจายบุญ...บุญที่จับต้องได้
#กระจายบุญ...ให้ได้มากกว่าที่คิด...อุทิศแด่ผู้ที่จากไป